การตัดสินใจเลือกซื้อประตู ควรตัดสินใจดูระดับความปลอดภัยที่ต้องการ และ งบประมาณในเรื่องอุปกรณ์ก่อน เป็นอันดับแรก โดยมี 2 ข้อย่อย ดังนี้

1. บานพับ ควรเลือกซื้อบานพับให้เหมาะกับความหนาและรูปแบบของบานประตู โดยลูกค้าสามารถสอบถามน้ำหนักได้จากผู้ผลิต หรือ ผู้ขาย ตัวอย่างเช่น
- ประตูมีความหนา 30 mm. และเป็นแบบ เซาะร่อง V สามารถใช้เป็นบานพับแบบบางได้
- ประตูมีความหนา 32 mm. ขึ้นไป และเป็นแบบ ลูกฟัก ควรใช้บานพับที่มีความหนาระดับกลางขึ้นไป
ส่วนความกว้างของประตู
หากประตูเกิน 80cm X 2 เมตร ควรใส่มากกว่า 3 อัน
แต่ถ้าตั้งแต่ 90cm X 2 เมตร ควรใส่ 4 อัน (บน 2 ล่าง 1 กลาง 1)
โดย 2 ตัวบน อยู่ช่วงบน และ ตัวที่ 3 อยู่ช่วงกลางประตู และ ตัวที่4 อยู่ช่วงล่างของบานประตู โดยเว้นระยะห่างให้ใกล้เคียงกัน
รวมถึงบานพับ ควรเป็นแบบ สแตนเลส รวมถึง แหวนรอง และ ลูกปืน ด้วยจะดีที่สุด
2. กุญแจล็อค ต้องดูสเปคของลูกบิด ว่าต้องการเลือกซื้อลูกบิด หรือ ลูกบิดคันโยก ที่มีตลับแบบไหนบ้าง และ ดูสเปคความหนา โดยความหนาจะสัมพันธ์กับประตูที่จะติด
แต่บางท่านต้องการประตูที่มีความหนา แนะนำเลือกซื้อลูกบิดที่มีความหนา 35 mm.
หากเกิดซื้อลูกบิดมาแล้ว แต่ ไม่สามารถมาประกอบกับประตูได้ การแก้ไขปัญหา คือ ถ้าไม่ซื้ออุปกรณ์ใหม่ ก็ต้องนำไม้มาเสริมช่วงที่ติดลูกบิด แต่ความสวยงามจะลดลง
ลูกบิดควรเป็นสแตนเลส จึงจะคงทนถาวร เวลาเลือกซื้อให้ดูที่กุญแจด้วย ว่ามีความหนา และ แข็งอยู่พอสมควร ไม่งั้นจะเกิดกุญแจหักคาในลูกบิดได้
อันดับสอง ประตู โดยเฉพาะประตูไม้ ต้องมีความแห้ง อบแห้งจริง ถ้าเป็นไม้เนื้อแข็งต้องอัดน้ำยากันมอดด้วย แต่ไม่กันปลวก ต้องทากันปลวกเอง
การสั่งซื้อประตู ไม่ควรซื้อประตูสำเร็จรูปแล้ว เพราะถ้าทำมาเจาะใส่ตลับแบบที่มีคันโยก ช่างส่วนใหญ่ที่ใช้อุปกรณ์โดยทั่วไป เจาะแล้วไม่สมดุล ช่างบางคนจะแก้ปัญหาโดยใช้เศษไม้ หรือ กระดาษ ยึดความมั่นคงแทน แต่หลังจากใช้ไปนานๆ เศษไม้ หรือ กระดาษ จะเกิดการขยับได้ ทำให้การหลวม หรือ โยก ของตัวล็อค
ทางที่ถูกต้องควรเป็นประตูสั่งทำ และให้ทางร้านที่มีโรงงาน ขึ้นแท่นเจาะใหญ่ตลับคันโยกให้ ก่อนที่จะประกอบบานประตู จะได้มาตรฐาน และตลับคันโยก จะไม่เคลื่อน ทำให้การปิดล็อคประตูแม่นยำขึ้น
สรุปคือ ก่อนจะตัดสินใจซื้อบานประตูสักหนึ่งบาน ควรเลือกซื้ออุปกรณ์ที่ตัวเองต้องการก่อน ว่าต้องการความปลอดภัยสูงแค่ไหน มีงบเท่าไหร่ และสเปคความสวยงามแบบไหน